ติ่งหูฉีกขาดจากการเจาะหู การเจาะหูและการใส่ต่างหู เป็นวิธีการตกแต่งร่างกายโดยการเจาะ (pieceing) ที่ได้รับความนิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและทำกันโดยทุกชาติทุกภาษาทั่วโลกการใส่ต่างหูที่มีน้ำหนักมากหรือขนาดใหญ่เป็นแฟชั่นที่นิยมในบางกลุ่ม ปัญหานี้มาจากการที่ใส่ต่างหูที่มีน้ำหนักมาก จนทำให้รูมีขนาดใหญ่และกว้างมากขึ้น ซึ่งมักจะเกิดหลังการเจาะหูไปแล้ว 2 - 3 ปี การที่รูต่างหูขนาดใหญ่ จะทำให้ไม่สามารถใส่ต่างหูขนาดเล็กๆ ได้ เพราะไม่สามารถยึดติดกับติ่งหูได้ ทำให้ต่างหูหล่นหายได้บ่อย ในผู้ที่มีปัญหานี้จึงมักหลีกเลี่ยงไปใส่ต่างหูที่มีลักษณะเป็นห่วงมากกว่าต่างหูที่ติดกับใบหู นอกจากนี้แล้วในบางครั้ง ถ้าเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ติ่งหูอาจขาดแยกจากกันได้ ดังรูป

การป้องกัน

1. เข็มต่างหูขนาดเล็กๆ มักทำให้เกิดการฉีกขาดได้ง่ายกว่า
2. ในเด็กเล็กที่ใส่ต่างหูมักเกิดจากการฉีกขาดจากการที่เด็กใช้มือดึงเรื่อยๆ ดังนั้น ในเด็กเล็กอาจใช้ต่างหูที่มีขนาดเล็กมากจับถึงได้ยาก
3. ต่างหูที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักมากและแกว่งไปมาทำให้ติ่งหูฉีกขาดได้ง่าย ดังนั้น คนที่ชอบใส่ต่างหูขนาดใหญ่และแกว่งไปมา ควรระมัดระวังอย่าเคลื่อนไหวเร็ว เพราะจะทำให้ติ่งหูมีการฉีกขาดได้ง่าย

 เทคนิคการผ่าตัด

การเลือกวิธีการผ่าตัดอาจเลือกตามลักษณะของการฉีกขาดและลักษณะแผลเป็นที่ต้องการ โดยทั่วไปเทคนิคที่ทำมี 3 วิธี ดังนี้

 การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

1. ไม่ต้องงดน้ำและอาหาร
2. ไม่ต้องลาหยุดงาน
3. งดยาด้านการอักเสบ (NSAID) เช่น แอสไพริน บุหรี่ อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น กระเทียม น้ำมันปลา อย่างน้อย 1 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัด
4. สมุนไพรบางชนิด เช่น อีฟนิ่งพริมโรส ยาวิตามินอีปริมาณสูง ๆ อาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส กระเทียม หัวหอม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติหรือมีปัญหาระหว่างผ่าตัด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพราะอาจต้องหยุดรับประทานสมุนไพรก่อนเข้ารับการผ่าตัด ประมาณ 3 - 5 วัน
5. ผู้ที่มีความดันสูงต้องควบคุมให้ปกติก่อนผ่าตัด 2 อาทิตย์
6. ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัวของคุณ เช่น เบาหวาน , โรคหัวใจ , และยาที่แพ้ เช่น เพนนิซิลิน ซัลฟา ฯลฯ
7. ควรมีเพื่อนมาด้วยในวันผ่าตัด

 การผ่าตัด

1. การผ่าตัดใช้ยาชาเฉพาะที่
2. ตัดติ่งหูแต่ละด้านออกแล้วตกแต่งรูหูใหม่
3. ลดขนาดของรูหูจึงได้ขนาดที่เหมาะสม
4. เย็บปิดแผลที่รูหูและติ่งหู

 การดูแลหลังผ่าตัด

1. ใช้น้ำเกลือเช็ดแผล วันละ 2 ครั้ง
2. ทายาแก้อักเสบ วันละ 2 ครั้ง ไม่ต้องปิดแผล
3. นัดตัดไหม ประมาณ 10 วัน
4. การเจาะหูทำหลังจากการผ่าตัด ประมาณ 1 เดือน
5. รับประทานยาตามแพทย์สั่งจนหมด ถ้าเกิดการแพ้ยา เช่น คัน มีผื่นแดง คลื่นไส้-อาเจียน แน่นหน้าอกให้หยุดรับประทานทันทีและรีบมาพบแพทย์
6. หลังผ่าตัดสามารถสระผมได้เลยแต่ควรระมัดระวัง การใช้ไดร์เป่าผม ถ้ายังไม่หายชา
7. โดยทั่วไปหลังผ่าตัดจะปวดแผลไม่มาก ยาแก้ปวดธรรมดา เช่น พาราเซตตามอน สามารถใช้ได้ผล แก้ปวดเพียงพอ
8. ก่อนนอนควรใช้ ผ้าเช็ดตัวปูบนหมอน เนื่องจากยาทาแก้อักเสบที่ทาบริเวณใบหู อาจเปื้อนหมอนหรือที่นอนได้
9. ถ้ามีการทำรูต่างหูใหม่ แพทย์จะใส่ต่างหูปลอม ซึ่งอาจเป็นไหมเย็บแผลหรือเป็นท่อพลาสติกไว้ที่รูต่างหูที่สร้างขึ้นใหม่ โดยทั่วๆ ไป แพทย์จะเอาต่างหูเทียมออกประมาณ 2 อาทิตย์ หลังผ่าตัด ดังนั้น ในวันที่เอาต่างหูออกสามารถใส่ต่างหูที่มีห่วงขนาดเล็กได้
10. ควรใส่ต่างหูที่มีห่วงขนาดเล็กไว้ประมาณ 6 อาทิตย์ หลังจากนั้น อาจเปลี่ยนเป็นห่วงที่มีขนาดใหญ่ได้
11. ควรหลีกเลี่ยงการใส่ต่างหูที่มีน้ำหนักมาก แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ควรรอจนครบ 2 เดือนหลังผ่าตัด
12. การใส่ต่างหูหนักสามารถใส่ได้ 6 อาทิตย์หลังผ่าตัด
13. สำหรับผู้ที่เลือกเทคนิคที่ 1 หรือ 2 ถ้าจะทำการเจาะหูใหม่เพื่อใส่ต่างหู ถ้าต้องการเจาะหูในตำแหน่งใหม่สามารถเจาะได้ 3 - 4 อาทิตย์ หลังผ่าตัด แต่ถ้าต้องการเจาะหูในตำแหน่งเดิม ควรรอประมาณ 6 เดือน เพื่อให้แผลเป็นแข็งแรงเพียงพอที่จะรับตำแหน่งต่างหูได้ก่อน
14. หลังผ่าตัดถ้าแผลเป็นมีลักษณะแข็งหรือเริ่มนูน ให้เริ่มนวดที่แผลหรือใช้วิตามินอีทาที่แผลพร้อมกับนวด โดยใช้นิ้ว 2 นิ้ว บีบแผลเข้าหากัน วันละประมาณ 15 นาที
15. งดสุราหรือบุหรี่ 2 อาทิตย์ หลังผ่าตัด
16. หลังผ่าตัด วันแรกถ้ามีเลือดออกมากผิดปกติให้ปรึกษาแพทย์ทันที

:: ขอสงวนสิทธิ์ข้อความและรูปภาพในเว็บไซต์นี้ ห้ามลอกเลียนหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตจากเวบมาสเตอร์ ::